วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การทำธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิทัล 3.0

1.สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการรับฟัง ลงใน Web Blog ของนักศึกษา
สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการรับฟังการบรรยายเรื่อง "การทำธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิทัล 3.0"
Social ในที่นี้หมายถึง สังคมออนไลน์
Media ในที่นี้หมายถึง เนื้อหา เรื่องราว และบทความ
Social Media จึงหมายถึงสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้เป็นผู้สื่อสาร หรือเขียนเล่า เนื้อหา เรื่องราว ประสบการณ์ บทความ รูปภาพ และวิดีโอ ที่ผู้ใช้เขียนขึ้นเอง ทำขึ้นเอง หรือพบเจอจากสื่ออื่นๆ แล้วนำมาแบ่งปันให้กับผู้อื่นที่อยู่ในเครือข่ายของตน ผ่านทางเว็บไซต์ Social Network ที่ให้บริการบนโลกออนไลน์ ปัจจุบัน การสื่อสารแบบนี้ จะทำผ่านทาง Internet และโทรศัพท์มือถือเท่านั้น เนื้อหาของ Social Media โดยทั่วไปเปรียบได้หลายรูปแบบ ทั้ง กระดานความคิดเห็น (Discussion boards), เว็บบล็อก (Weblogs), วิกิ (wikis), Podcasts, รูปภาพ และวิดีโอ ส่วนเทคโนโลยีที่รองรับเนื้อหาเหล่านี้ก็รวมถึง เว็บบล็อก (Weblogs), เว็บไซต์แชร์รูปภาพ, เว็บไซต์แชร์วิดีโอ, เว็บบอร์ด, อีเมล์, เว็บไซต์แชร์เพลง, Instant Messaging, Tool ที่ให้บริการ Voice over IP เป็นต้น

Social โลกแห่งสังคมออนไลน์ การติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนความรู้ ที่จะนำมาใช้สร้างสินค้าใหม่นั้นมี ด้วยกัน 4 ประเภท 
1.OWNED media เป็น สื่อที่ผู้ประกอบการเองเป็นเจ้าของ ได้แก่ เว็บไซต์ บล็อก ซึ้งเป็นสื่อที่สร้างขึ้นมาเอง 
2.PAID Media เป็นสื่อที่เราต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อ เช่น แบรนดเนอ สปอนเซอร์ ชิฟ 
3.EARNED Media เป็นสื่อที่ลูกค้า ผู้บริโภคทั่วไปเป็นเจ้าของ เช่น เฟชบุ๊ค,ทวิชเตอร์ เป็นการแบ่งปันข้อมูลพูดคุยระหว่างกัน 
4.Social media เป็นการสร้างสังคมเข้าหาลูกค้า ให้ลูกค้าได้มาพูดคุยกับเรา เพื่อหาข้อมูลความคิดเห็น แทนที่จะปล่อยให้ผู้บริโภคพูดถึงเราโดยที่เราไม่ส่วนร่วมรับรู้ด้วย ให้เราลุกขึ้นมาสังคมกับลูกค้าและตลาด ต้องสร้างตัวของสินค้าเราให้ลูกค้ามองเราในแง่ดีให้ได้
Social media มันถูกสร้างขึ้นมาภายใต้การพูดหรือการสื่อสารปากต่อปาก โดยปัจจุบันทำได้ได้อย่างรวดเร็วโดยผ่านทางโลกสังคมออนไลน์ต่างๆ ได้อย่างทันที ซึ่งเรื่องนี้มีบทบาททางด้านการตลาด ผู้บริโภคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปโดยการที่จะสร้างแบรนสินค้าขึ้นมาใหม่จำเป็นที่จะต้องรู้ถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1. Globalization Interdependence การเปลี่ยนไปในเรื่องความคิด คิดว่าทุกคนมีความเท่าเทียมกัน มีสิทธิออกความเห็นโต้แย้ง ไม่เห็นด้วยได้ มีอิสระในความคิดและตัดสินใจ 
2. Control of Media Customer is publisher ผู้บริโภควันนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านความคิดเห็นต่อสินค้า อยากออกแบบสินค้าเห็นแบบที่ตนต้องการ ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่รอดูข้อมูลสินค้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งผู้บริโภควันนี้มีการแบ่งปันข้อคิดเห็นของตนแก่สาธารณะได้อย่างรวดเร็ว
3. Conversations generate exposure sales การพูดคุยโต้ตอบระหว่างลูกค้าเพื่อที่จะสามารถขายสินค้านั้นได้ เราต้องมีการโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ ที่มีเหตุผล น่าสนใจให้ได้จึงจะสามารถทำให้ลูกค้าพึงพอใจและเกิดการตกลง
4. Transparency – open source ปัจจุบันเป็นยุคที่ทุกอย่างเปิดกว้าง ความโปร่งใส จริงใจนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมมั่น เรื่องการให้เครดิตต่างๆ ของผู้มีส่วนช่วยก็นับว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแบรนสินค้าใหม่
5. Collaboration rules การอาศัยความร่วมมือของผู้บริโภค 
6.People use technologies to get thing that they need from each, other rather from corporations ผู้บริโภคจะอาศัยเทคโนโลยีต่างๆ ในการแสวงหาข้อมูล สินค้า เพื่อตัดสินใจซื้อสินค้า ซึ่งเขาจะข้อมูลจากการพูดเล่าของผู้บริโภคด้วยกันก่อนเสมอ ผู้บริโภคจะไม่เชื่อจากผู้ผลิตทั้งหมดก่อน เขาจะมองเห็นเป็นการโฆษณา ซึ่งเขาจะเชื่อจากผู้บริโภคที่คุยบอกกันเองมากกว่า
ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้ "โซเชียล มีเดีย" มีการเติบโตอย่างมากในทั่วโลก เห็นได้จากผู้ใช้เฟซบุ๊คที่มีจำนวน 800-900 ล้านคน หากเปรียบเทียบเป็นประชากรของประเทศ ก็อยู่ในอันดับ 3 ของโลก ดังนั้นการนำ Content ส่งต่อไปยังผู้บริโภค จะต้องมี Distribution Channel ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม โดยเฟซบุ๊ค ยังถือเป็นช่องทางการสื่อสารในโลกโซเชียล มีเดีย ที่สามารถเข้าถึงผู้คนได้จำนวนมหาศาล ผ่านพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ที่มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มเพื่อน และการแชร์ เช่นเดียวกับ ทวิตเตอร์ ที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกไม่น้อยกว่า 500 ล้านคน, ยูทูบ กว่า 800 ล้านคน และล่าสุดที่กำลังมาแรง อินสตาแกรม จำนวน 40 ล้านคน กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ในยุคดิจิทัล สิ่งที่แบรนด์ต้องทำ คือ การสร้างคอมมูนิตี้ ในโลกดิจิทัล ออนไลน์ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้บริโภค ได้พูดคุยและสื่อสารกับแบรนด์โดยตรง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารและโฆษณาจากเดิมที่แบรนด์เป็น "ผู้พูด" ถูกปรับเปลี่ยนเป็นให้ผู้บริโภคเป็น "ผู้พูดและบอกต่อ" แทน ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ความท้าทายของการสร้างแบรนด์ในยุคดิจิทัล นั่นคือแบรนด์ จะต้องสร้างประสบการณ์ร่วม ให้เกิดขึ้นกับลูกค้า เพื่อทำให้เกิดจินตนาการถึงแบรนด์นั้นๆ และหากเป็นประสบการณ์ที่เข้าใจได้ง่าย และนำมาเล่าผ่านคอมมูนิตี้ ออนไลน์ ที่แบรนด์สร้างไว้ให้ ถือว่าประสบความสำเร็จ" การสร้างแบรนด์ให้คนจดจำ ภายใต้ "ประสบการณ์ร่วม" ที่แบรนด์ต้องการสื่อสาร ซึ่งในอดีตมักจะใช้สื่อแมสเป็นเครื่องมือ แต่ปัจจุบันโซเชียล มีเดียได้กลายเป็นเครื่องมือ ช่วยเล่าขาน สร้างภาพ และบอกต่อแบรนด์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและง่ายขึ้นมาก หรือเปลี่ยนจาก One Way Communication เป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟระหว่างแบรนด์ ผู้บริโภค และชุมชนออนไลน์
การให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ สร้างให้แบรนด์โดดเด่นและถูกเลือกบริโภค มีเดียและโซเซียลมีเดีย ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก พฤติกรรมผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ที่มีการใช้งาน "สมาร์ท ดีไวซ์" อยู่ตลอดเวลา ถือเป็น "โอกาส" ที่แบรนด์ต่างๆ ต้องปรับทิศทางการสื่อสารและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า 

2.หาคำศัพท์ที่ได้จากการรับฟังพร้อมหาความหมาย เพื่ออธิบายคำศัพท์ดังกล่าว อย่างน้อย 20 คำ แล้วสรุปใน Web Blogs
คำศัพท์
1.Social Network คือ การที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเป็นเว็บไซต์ที่เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั่นเอง
2.Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้นั่นเอง
• Hi5
• Fraudster
• My Space
• Face Book
• Orkut
• Bebo
• Tagged
3.Banner ป้ายโฆษณาสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่สามารถนำไปแสดงผ่านหน้าเว็บไซต์ โดยภายในจะมีเนื้อหา รูปภาพแสดงสินค้าหรือบริการอยู่ และ อาจจะเพิ่มสีสันด้วยการกระพริบ-เคลื่อนไหวของป้ายแบนเนอร์ เพื่อให้ผู้ใช้ internet 
4.Co-Creation กลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นการปฏิสัมพันธ์(Interaction) เน้นการติดต่อสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด ความต้องการความคิดเห็นระหว่างกัน ความร่วมมือนี้อาจเกิดระหว่างธุรกิจกับผู้ริโภคหรือธุรกิจกับธุรกิจ 
5.Owned media เป็น สื่อที่ผู้ประกอบการเองเป็นเจ้าของ ได้แก่ เว็บไซต์ บล็อก ซึ่งเป็นสื่อที่สร้างขึ้นมาเอง
6.Awareness องค์ความรู้ และทัศนคติของสมาชิกทุกคนในองค์กรที่พึงมี เกี่ยวกับการป้องกันรักษาทรัพย์สินของบริษัทฯทั้งทางด้านกายภาพ
7.People use technologies to get thing that they need from each, other rather from corporations 
ผู้บริโภคจะอาศัยเทคโนโลยีต่างๆ ในการแสวงหาข้อมูล สินค้า เพื่อตัดสินใจซื้อสินค้า ซึ่งเขาจะข้อมูลจากการพูดเล่าของผู้บริโภคด้วยกันก่อนเสมอ ผู้บริโภคจะไม่เชื่อจากผู้ผลิตทั้งหมดก่อน เขาจะมองเห็นเป็นการโฆษณา ซึ่งเขาจะเชื่อจากผู้บริโภคที่คุยบอกกันเองมากกว่า
8.Paid Media เป็นสื่อที่เราต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อ เช่น แบรนดเนอ สปอนเซอร์ ชิฟ 
9.Buzz marketing การสร้างสินค้าหรือบริการให้เป็นที่รู้จัและเกิดความต้องการในลักษณะของ”การบอกต่อแบบปากต่อปาก” ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์การสื่อสารที่มีพลังขับเคลื่อนสูงมากต่อการสร้างความเชื่อถือและกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อ
10.mindset กระบวนการทางความคิด การปรับทัศนคติ การปรับความชอบหรือนิสัยหรือการจัดลำดับความคิดของตัวเอง
11.Conversation คือ การสนทนาซึ่งต้องมีการโต้ตอบ
12.Knowledge Sharing การแลกเปลี่ยนเรียนรู้การที่กลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกันมารวมตัวกันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้วยความสมัครใจ เพื่อร่วมสร้างความเข้าใจหรือพัฒนาแนวปฏิบัติในเรื่องนั้นๆ
13.Reviewer คือนักวิจารณ์สะท้อนกลับถึงข้อมูลสินค้าและบริการให้กับธุรกิจ
14.CRM กระบวนการจัดการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
15.Viral Marketing การตลาดแบบไวรัส เทคนิคการทำการตลาดที่ใช้สื่อ Social Networks ที่มีอยู่แล้ว เช่น facebook, hi5, และอีกมากมายนับไม่ถ้วน ในการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น หรือ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดด้านอื่นด้วย
16.community marketing การจัดตั้งกลุ่มของลูกค้าที่เข้ามาเป็นตัวแทนของลูกค้าทั้งหมด และให้เข้าร่วมทำกิจกรรมต่างๆ กับกิจการ จนกระทั่งในที่สุดกลุ่มนี้จะกลายเป็นลูกค้าระดับเกรดเอที่การซื้อสินค้าบริการกับลูกค้า ติดหนึบไม่ไปไหน รวมถึงเป็นตัว
17.Control of Media คือ การควบคุมจัดการสื่อ
18.Publisher การเป็นผู้นำเสนอข้อมูล ป่าวประกาศ 
19.Reration ship คือ การสร้างความสัมพันธ์ 
20.Credit คือการนำข้อมูลของผู้อื่นไปใช้ ทั้งภาพรูป เสียง สมควรที่จะมีการอ้างถึง

1 ความคิดเห็น: